Saturday, June 11, 2011

ตำนานชัยมงคลที่ ๕

ตำนานชัยมงคลที่ ๕

ในสมัยเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับสำราญพระกายอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงอาศัยพระนครสาวัตถีเป็นที่โคจรภิกษาจารบำเพ็ญพุทธกิจตามวิสัย ยังมรรคผลให้สำเร็จแก่พุทธเวไนยนิกร ทรงสถาพรเพิ่มพูนพิริยะพรต แก่พุทธบริษัทผู้ปฏิบัติสันติวรบทตามมรรคปฏิบัติ ทรงประสาธน์คุณพระศาสนาให้รุ่งเรืองไพศาลพิศิษฐ์ ดังโอภาสแห่งดวงอาทิตย์อุทัยยังนภาลัยประเทศ ให้ประชาสัตว์ตื่นจากสรรพกิเลสนิทราประชาชนจึงเกิดศรัทธาเคารพนับถือเป็นอเนก ด้วยเห็นพระศาสนาเป็นมรรคาเอกอันควรดำเนิน เพราะเป็นคุณเครื่องจำเริญประโยชน์สุขสวัสดีทั้งภพนี้ ภพหน้าก็พร้อมกันถวายลาภสักการะนานาอันเป็นส่วนอามิสบูชา แด่พระภิกษุสงฆ์มีองค์พระพุทธเจ้าเป็นประธาน ตลอดกาลเป็นนิตย์
ครั้งนั้น ฝ่ายข้างเดียรถีย์นิครนถ์ผู้มิจฉาจิต ก็เสื่อมหายคลายความศักดิ์สิทธิ์ ตลอดลาภสักการะวรามิสก็ต่ำต้อยน้อยลงไป เพราะคนที่ศรัทธาเลื่อมใสคลายความเชื่อถือเกิดท้อถอย อุปมาเสมือนหนึ่งหิ่งห้อยในยามพระอาทิตย์อุทัย เป็นที่เดือดร้อนใจของมวลเดียรถีย์เป็นอันมากถึงกลับซบเซาอัปรภาคยิ่งขึ้น แต่แทนที่จะค้นคว้าหาหลักอันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม แล้วจะได้แก้ไขสิ่งที่ชั่วให้กลับดีเสียใหม่ โดยควรแก่ธรรมตามระบอบประเพณี กลับเกิดประทุษฐจิตคิดมิดีตามวิสัยเดียรถีย์อันธพาลประชุมกันหาอุบายล้างผลาญพระศาสนา คนหนึ่งคิดว่า ถ้าทำให้พระศาสนาเสียชื่อ แล้วความเคารพนับถือก็จะถอยลดลงตาม แล้วลาภสักการะก็เสื่อมทรามเป็นแม่นมั่น ข้อนี้เป็นวิธีการอันสำคัญที่จะต้องรีบทำโดยมิชักช้า ต่อนั้นก็ปรารภถึงนางจิญจมาณวิกา ผู้รูปงามจำเริญตา ทั้งจริตกิริยาก็เป็นเสน่หาของคนทั่วไป เป็นนางปริพาชิกาที่ฝักใฝ่ในเดียรถีย์ คิดว่าถ้าจิญจมาณวิกาผู้นี้ จะมีความยินดีเข้ากับเราด้วยช่วยผสม ก็อาจจะเสริมสร้างความเสื่อมเสียให้แก่พระสมณโคดมเร็วพลัน ตั้งแต่นั้นมา ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจในนางจิญจมาณวิกา นางจะไปจะมาก็ทำเฉยไม่ปราศรัย ครั้งนางจิญจมาณวิกาแคลงใจก็ไถ่ถามถึงเหตุ ว่าข้าแต่อาจารย์ผู้ร่มเกษเคารพรัก ใยเมื่อดิฉันมาถึงสำนักจึงไม่เมตตาปราณีเหมือนแต่กาลก่อน หรือว่าท่านอาจารย์มีความทุกข์เดือดร้อนประการใด
ฝ่ายเดียรถีย์จึงได้ปราศรัยว่า ภทฺเท ดูกรจิญจมาณวิกา ผู้มีรูปงามเจริญตาประหนึ่งจะเย้ยนางฟ้าให้ได้อาย แต่เพราะนางมีความสุขสบายเหลือล้น จนลืมวันของตนที่กำลังจะล่มจม ด้วยความดีเด่นของพระสมณโคดมแผ่มา ครอบงำปกปิด เสมือนหนึ่งความสว่าง แห่งดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมาปกปิดแสงแห่งดวงประทีป ถ้าเราจะไม่เร่งรีบหาอุบายจำกัดพระสมณโคดม น่าที่เราจะล่มจมในไม่ช้า
นางจิญจมาณวิกาจึงกล่าวว่า ท่านอาจารย์ ถ้ามีอุบายใดที่จะใช้ฉัน ช่วยล้างผลาญความดีของพระสมณโคดมได้ จึงแจ้งเกิดอย่าปกปิด สำหรับดิฉันนี้แม้แต่ชีวิตก็ยอมอุทิศพลีออกช่วยหากเป็นทางอำนวยส่งเสริมลัทธิให้มีสง่าราศรี ปลุกประชาชนให้มีความยินดีสาธุการ ให้เกียรติยศแผ่ไพศาลไปในเบื้องหน้า
เหล่าเดียรถีย์จึงกล่าวว่า ดูกรจิญจมาณวกาผู้โฉมศรี เราขอขอบใจในความปราณีของนางงาม ซึ่งช่างมีแก่ใจคิดช่วยในยามอัปภาค จัดว่าเป็นพระคุณแก่เราเป็นอย่างมากในครั้งนี้ แต่ก่อนที่เธอจะยินดีเทอดเราขึ้นให้มหาชนเกิดความนิยม จำเป็นที่จะต้องหาวิธีเหยียบย่ำพระสมณโคดมให้พินาศ โดยเธอพยายามหาโอกาสเข้าไปให้ใกล้ ทำให้มหาชนสงสัยว่าเธอต้องเสียสาวเพราะพระสมณโคดม เราเชื่อว่าจะเป็นวิธีทำให้เสื่อมหายคลายความนิยมเป็นอย่างยิ่ง จิญจาเอ๋ย! เจ้าสิเป็นหญิงที่มากด้วยมารยาทั้งมีรูปงามเจริญตา อีกจริตกิริยาก็เป็นที่เสน่หาของประชาชนเป็นอันมาก ถ้าเจ้าเอ็นดูแก่เรา ที่ต้องซบเซาอัปภาคแล้วอย่าท้อถอย จิญจาเอย! จะเป็นบุญตัวมิใช่น้อยในการนี้
เมื่อนางจิญจมาณวิกาฟังคำเดียรถีย์ แสดงกลวิธีอันลามก ก็มองเห็น เพราะจริตติดโมหะ ทั้งทิฐิมานะเข้าครอบงำ นางก็น้อมรับคำของเดียรถีย์ว่า จะพยายามให้สำเร็จโดยไม่ต้องสงสัย ขออาจารย์จงวางใจในจิญจาศานุศิษย์ ว่าจะรับทำธุระกิจที่มอบให้ ไปทำให้เกิดผลเป็นที่พึงใจในครั้งนี้
ต่อนั้นมา นางจิญจาสาวิกาเดียรถีย์ ก็เริ่มก่อกรรมกาลกินีอัปรมงคล พยายามลวงตามหาชนให้เข้าใจผิดในทางเสื่อมเสียของพระธรรมสามิสทุกประการ โดยแต่งองค์นางนงคราญด้วยอาภรณ์ให้งามพริ้ง เตือนตาชายหญิงผู้ประสบพบแล้วให้ระลึกเห็นเป็นมิ่งขวัญ ครั้นเพลาสายัณห์ยอแสงสุริโยโพล้เพล้ใกล้จะพลบค่ำลงรำไร นางก็มุ่งหน้าดำเนินตรงไปยังพระเชตวัน กำหนดให้ประจวบกันกับประชาชนเป็นอันมาก เพิ่งเสร็จจากฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคแล้วกลับบ้าน เมื่อประชาชนไถ่ถามว่า จิญจาแม่นงคราญจะไปไหน นางก็ตอบว่าจะไปพระเชตวัน ณ พระคันธกุฎี ครั้นเพลาราตรีนางก็ลอบไปซ่อนตัวอยู่ที่กำหนดไว้ ต่อเมื่อพระสุริโยทัยรุ่งรางสว่างทิวาวัน นางก็ขมีขมันออกจากพระเชตวันเข้าพระนคร เพื่อประสบกับประชาชนที่สัญจรมาสู่พระอาวาส เมื่อประชาชนสัมภาส นางก็มีความยินดีตอบว่า ไปค้างแรมยังพระคันธกุฎี ร่วมอภิรมย์ชมชื่นด้วยพระชินศรีเป็นประจำ ทำให้ประชาชนสงสัยในถ้อยคำนำเอาไปคิด ชวนให้คนใจเบาเขลาจิตเห็นไปตาม นางจิญจมาณวิกาพยายามทำอยู่เช่นนี้มิได้ขาด เตมาสํ สิ้นไตรมาส ๓ เดือน โดยนิยมนางก็เอาผ้ามาพันท้องให้กลม ทำประหนึ่งว่าเริ่มมีครรภ์อ่อนออกมาปรากฏทำให้ประชาชนที่เคยกำหนดกริ่งใจก็เริ่มเห็นว่าเป็นจริง เพราะความฉลาดในมารยาหญิงของนางจิญจมาณวิกา ครั้นเวลาล่วงมาประมาณได้ ๘ เดือน นางก็ออกอุบายทำท่อนไม้ให้ได้รูปเหมือนครรภ์แก่ แล้วเอาผ้าพันใช้เชือกผูกให้มั่นเข้ากับท้องนาง เอาผ้าคลุมกายตั้งแต่บนจนตลอดร่าง แสดงว่านางมีครรภ์ใกล้จะคลอดในเร็ววันนี้ ครั้นได้เวลาพระชินศรีสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมในท่ามกลางพุทธบริษัท ณ พระเชตวันวิหาร นางจิญจาสันดานพาลก็เข้าไปยืนอยู่ท้ายพุทธบริษัท ทำท่าทางยืนหยัดกล่าวโทษพระบรมศาสดาว่า โภ โคตม ดูกรพระสมณโคดม ผู้อุดมด้วยปรีชาท่านนี้ฉลาดในเชิงเทศนา อีกสามารลวงข้าผู้ซื่อ จิญจา ให้หลงรักร่วมภิรมย์สมรสจนปรากฏว่ามีครรภ์ แต่ไม่มีความรู้ในการบริหารซึ่งครรภ์ของข้าฯ ว่าจะให้คลอด ณ ที่ใด ทิ้งขว้างให้เร่ร่อนให้ทุเรศน่าเวทนา ทั้งไม่สั่งอุบาสกอุบาสิกา คือท่านอนาบิณฑิกเศรษฐี หรือนางวิสาขาให้เมตตาเป็นภาระช่วยจัดให้จะนับว่าเป็นคนดีอย่างไร น่าอนาถ! มหาชนยังพากันหลงว่าเป็นจอมปราชญ์ผิดวิสัย ขอท่านทั้งหลายจงเห็นใจดิฉันบ้างเถิด
ตสฺสา วจนํ สุตฺวา เมื่อสมเด็จพระชินศรีโมลีโลก กำลังทรงรื้อสัตว์ข้ามจตุรโอฆะสงสาร เมื่อได้สดับคำหญิงอันธพาลจิญจมาณวิกาบริภาษพระองค์ผู้บริสุทธิ์หามลทินมิได้ในท่ามกลางพุทธบริษัท ด้วยน้ำใจโหดร้ายเหลือประมาณ เฉกดังคนใจพาลมือถืออาจม ขว้างประหารดวงจันทร์ที่โคจรอยู่ในท่ามกลางหมู่ดาว ซึ่งส่งแสงสุกสกาวอยู่ในท้องฟ้า พระองค์จึงทรงพักพระธรรมเทศนาไว้ ด้วยประชาชนเกิดไปสนใจในนางจิญจมาณวิกา ประหนึ่งว่านางมารมาขวางหน้า สกัดกั้นมรรคาของพระองค์และพุทธบริษัททุกคน พระองค์จะต้องประจญกับนางมาร ซึ่งมีใจอันธพาลเหมือนพญามารสวัสดี ด้วยสันติวิธีอันดีที่สุดที่จะทรงทำได้ ด้วยเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในท่ามกลางพุทธบริษัท พระองค์จึงเอื้อนพระโอษฐ์ออกอรรถตรัสว่า จิญเจ ดูกรนางจิญจา อันถ้วยคำที่เจ้ากล่าวมานั้นไม่มีใครเป็นพยาน ยืนยันว่า จะเท็จจริงประการใด ด้วยเป็นเรื่องลับไม่มีใครจะสอดรู้ จะจริงไม่จริงไม่ประจักษ์อยู่แก่เจ้าและเราเท่านั้น นางจิญจมาณวิกาจึงกล่าวว่า เป็นความจริงของท่านพระสมณโคดมด้วย เรื่องการ อภิรมย์ สมรส เป็นเรื่อง ปรากฏเฉพาะพระองค์กับหม่อนฉัน แล้วนางก็เอานิ้วชี้ที่ครรภ์ว่า นี่ ! นี่ ! คือตัวพยานถ้าไม่จริงแล้วมันจะบันดาลเกิดขึ้นมาไม่ได้ ยิ่งทำให้ประชาชนสนใจในถ้อยคำของนางจิญจมาณวิกา
แต่ด้วยเดชะของความจริงจะต้องออกมาปรากฏแก่มหาชน ทั้งด้วยอานุภาพของพระทศพลพุทธรัตนะ บันดาลให้ร้อนถึงท้าวสักกะโกสีย์สหัสนัย ยังสัคคาลัยเทวสถาน ทรงทราบถึงเหตุการณ์อัปมงคล ซึ่งนางจิญจทุรชนทำเล่ห์กลใส่ใคล้พระบรมสัมพุทธ จึงทรงบัญชาให้เทพบุตรลงมาเป็นสักขีพยานในทันใด เทพบุตรก็แปลงกายเป็นหนู เข้าไปแฝงอยู่ในพัตราภรณ์ที่คลุมร่างของนางจิญจมาณวิกา กัดเชือกที่ผูกท่อนไม้รัดท้องของนางจิญจาไว้ให้ขาดลง ไม้ท่อนนั้นก็หลุดตกลงกระทบนิ้วเท้าของนางจิญจมานวิกาถึงแตก โลหิตที่เท้าซึ่งถูกไม้กระแทกก็โทรมไหล นางจิญจากรีดร้องด้วยตกใจ ทั้งปวดร้าวที่ถูกท่อนไม้กระแทกย่างยิ่ง อีกทั้งแสนจะอับอายขายหน้าในความจริงของเล่ห์กล ที่ตัวใส่ร้าย พระทศพลออกมาปรากฏ แก่นัยน์ตามหาชนอยู่ถ้วนหน้า
ตํ ทิสฺวา เมื่อประชาชนเห็นความจริงด้วยนัยน์ตา ต่างก็พากันขึ้งเคียดแค้นใจด้วยโทสะสุดจะยับยั้ง พากันวิ่งประดังเข้าจับนางจิญจา ตบตีด่าว่า นางกาลกินี นางปีศาจ มึงนี่ช่างชั่วชาติระยำยับ พูดจาสับปรับ อัปมงคล ใส่ร้ายทศพลด้วยกรรมอุบาทว์ บ้างก็วิ่งเข้าฟาดด้วยท่อนไม้และก้อนหิน ครั้นนางจิญจมาณวิกาดิ้นสลัดหลุดแล่นออกนอกพระอารามประชาชนก็วิ่งตามไปตบตี แต่พื้นแผ่นพระธรณีก็สุดที่จะรองรับหญิงกาลี เช่นนี้ไว้ได้ พื้นแผ่นปฐพีก็แยกช่องสูบนางลงไปในทันที ให้นางเข้าสู่อเวจีนรกในบัดดล ประจักษ์แก่นัยน์ตามหาชนด้วยความสลดใจ บาปกรรมได้ทำให้นางบรรลัยอย่างน่าสยดสยองควรเข็ดขยาด ต่อนั้นก็พากันไปเฝ้าพระบรมโลกนาถธรรม โสภิต บูชาด้วย สักการ วรามิสเป็นอเนกประการ เกียรติคุณของพระศาสนาไพศาลวิเศษยิ่งขึ้นสุดที่จะคณนา ดังดวงพระอาทิตย์พ้นจากหมอกฝ้ากำบังไว้ รังษีก็สดใสส่องแสงสว่างทั่วเมทนีดล บรรดาประชาชนก็พากันสาธุการว่าพระองค์ทรงพิชิตนางมารจิญจมาณวิกาด้วยสันติวิธีสัมปทาธรรมวิเศษ เป็นชัยมงคลอุดมเดชของพระบรมศาสดา ขอชัยมงคลด้วยพรรณนามาจงมีแต่พุทธศาสนิกชนบริษัท ตามควรแก่วิสัยในการกุศล ขอยุติข้อความในชัยมงคลที่ ๕ แต่เพียงนี้ .
อภูตวาที นิรยํ อุเปติ
คนกล่าวตู่ผู้อื่นด้วยคำไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก

No comments:

Post a Comment